วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ผู้คิดค้นโทรทัศน์เครื่องแรกของโลก


ฟีโล ที. ฟาร์นสเวิร์ธ (Philo T. Fransworth) เป็นผู้คิดค้นโทรทัศน์เครื่องแรกของโลก


เขาเป็นชาวอเมริกัน เกิดราวปี ค. ศ. 1906 ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก ฟาร์นสเวิร์ธ เป็นนักเรียนหนุ่มช่างคิด เพ้อฝัน และมีจินตนาการ เขาสร้างแบบจำลองโทรทัศน์เป็นครั้งแรกของโลกบนกระดานให้ครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ดู ความเป็นนักประดิษฐ์ของเขาก้าวหน้าพัฒนาพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น เขามีภรรยาชื่อ เอลมา การ์ดเนอร์ ฟาร์นสเวิร์ธ 19 ตุลาคม ค. ศ. 1929 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์โลกต้องจารึกไว้ เพราะเป็นวันแรกที่ฟีโล ฟาร์นสเวิร์ธ ส่งสัญญาณโทรทัศน์ไปสู่เครื่องรับได้สำเร็จ



โทรทัศน์ของฟีโลอาศัยหลักการสร้างลวดลายของแสงซึ่งประกอบขึ้นจากสัญญาณไฟฟ้าโดยใช้กล้องโทรทัศน์ถ่ายทอดภาพ เปลี่ยนภาพที่ถ่ายให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วจึงแพร่สัญญาณไปกับคลื่นวิทยุด้วยความเร็วของแสง


เอลมา ฟาร์นสเวิร์ธ ผู้หญิงคนแรกที่ปรากฏบนจอโทรทัศน์ 


the streets of new york 1939 
ละครเรื่องแรกของโลกที่ถูกฉายบนจอ ทีวี ในปี 1939 
.................................................................................
ฟีโล ที. ฟาร์นสเวิร์ธ เขาเสียชีวิตลงในปี ค. ศ. 1970 ด้วยวัยเพียง 64 ปี


วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ผู้นำกองทัพอัศวินเทมพลาร์

ตำนานอัศวินประวัติศาสตร์
อูกแห่งปาแย็ง ผู้นำกองทัพอัศวินเทมพลาร์ 500 นาย สามารถสกัดทัพ ศอลาฮุดดีน ที่มีทหารมากกว่า 26,000 นายได้จนได้ชัยชนะ บัญชาการทหารสูงสุดของ เทมพลาร์ไนท์ ในสงครามคูเสด ปี 1129 พวกเขาถูกยกย่องให้เป็นนักรบแห่งพระเจ้าผู้ปกป้องแดนศักสิทธิ์ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ลักษณะพิเศษของอัศวินเทมพลาร์คือเสื้อคลุมไร้แขนสีขาวที่มีกางเขนสีแดงอยู่บนเสื้อ อัศวินเทมพลาร์นับเป็นหนึ่งในหน่วยรบที่มีฝีมือที่สุดในสงครามครูเสด

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Sisypus ผู้ท้าทายซุส

Sisypus ซิสซิฟุส 1 ใน นักโทษที่ถูกลงทันอยู่ในนรก เขาเป็นอดีตกษัตริย์แห่งคอรินธ์ ในครั้งมีชีวิตเขานั่นเป็นผู้ที่ออกกฏว่าเทพเจ้าเป็นเรื่องงมงายและคิดท้าทายอยู่หลายครั้ง จนถึงขนาด ทำลายรูปปั้นของ เทพซุส โพไซดอน และ เฮดีส เมือตายไปแล้วจึงถูกเฮดีสลงโทษด้วยการให้กลิ้งหินขึ้นภูเขา และ เมือถึงยอด แล้วจะถูกทหารของเฮดีส ถีบลงมาข้างล่างและให้กลิ้งขึ้นไปใหม่หลายพันรอบซึ่งหากไม่กลิ้งหรือหยุดกลิ้งจะถูกเหล่าทหารในนรกมารุมทำลาย

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เจสซี่ เจมส์ (Jesse Woodson James)

เจสซี่ เจมส์ (Jesse Woodson James) เกิดเมื่อ วันที่ 5 กันยายน 1847 และ เสียชีวิตใน วันที่ 3 เมษายน 1882 เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ชื่อว่า จอมโจร หัวหน้ากลุ่งโจรที่ใช้ชื่อว่า “James-Younger Gang" เจสซี่ เจมส์ เป็นพวกนอกกฎหมายอเมริกัน มีฉายาว่า โรบินฮู้ดแห่งอเมริกา เนื่องจากเขาเลือกปล้นแต่ธนาคารของพวกฝ่ายเหนือ(สมัยอเมริกายังอยู่ช่วงสงครามกลางเมืองฝ่ายเหนือ-ใต้) สงครามกลางเมืองอเมริกา (American Civil War) เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1861 ถึงค.ศ. 1865 โดยรัฐฝ่ายเหนือ 23 รัฐ ที่เรียกว่า สหรัฐอเมริกา (United States of America) กับรัฐฝ่ายใต้ 11 รัฐ ที่แยกตัวออกมาจากสหรัฐ และเรียกตัวเองว่า สหพันธรัฐอเมริกา (Confederate States of America) สงครามจบลงโดยชัยชนะของฝ่ายเหนือ
เจสซี่ นั่น ทำอาชีพเป็นชาวนาและผู้แสวงหาทอง (นักขุดทอง) เจสซี่ขณะอายุ 16 ปีถูกเกณฑ์ไปทหารของสังกัดหน่อวยใต้ ทำหน้าที่ พลซุ่มโจมตีทหารฝ่ายเหนือทางแถบ ตะวันตกของรัฐมิซซูรี่ หลังสงครามสงบ เหตุการณ์ยิ่งระส่ำระสาย กลุ่มทหารบ้านที่เป็นชนกลุ่มน้อยที่เรียกตัวเองว่า Radicals ยึดอำนาจปกครองรัฐมิซซูรี่พวกเขาประกาศเลิกทาส ช่วงที่สงครามกลางเมืองสิ้นสุด (Civil War) ทหารฝ่ายใต้ ได้รับนิรโทษกรรม รวมไปถึงกลุ่มแก๊งค์ของเจสซี่ เดือน ตุลาคม ค.ศ. 1866 เจสซี่และพรรคพวก ก็ลงมือปล้น พร้อมกับพวกอีก 4 คน ด้วยใช้วิธีการขี่ม้าบุกเข้าไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ได้ แล้วจัดการหน่วยป้องกันจากนั้น ก็สั่งให้คนในเมืองหรือหมู่บ้านนั่นเอาของมีค่ามาใส่ในถุงที่เตรียมำไว้เมื่อเสร็จครบถ้วนก็ขี่ม้ากลับโดยไม่ทำร้ายใครเอาไปเพียง ของ เท่านั้น
จากภาพผู้ที่ไม่มีหนวดนั่นละคือ เจสซี่ ทั้งหมดเป้นทหารผ่านศึกมาแล้วจึงมีทักษะด้านการใช้ปืนเป็นมืออาชีพ
หลายครั้งที่เขาต้องปะทะกับตำรวจ และวิธีการปล้นธนาคารของเขาเป็นการปล้นแบบไม่เกร่งกลัวใคร ใช้เพียงคำพูดและความไว้เดินเข้าไปต่อหน้าพนักงาน สวัสดีครับวันนี้ที่ผมมาเพื่อขอเงินหน่อย จากนั้นก็ชักปืนมาขู่พนักงาน พร้อมกันทั้ง 5 คน กลายเป็นว่าการปล้นของเจสซี่ครั้งนี้สร้างความสะใจแก่ชาวบ้านมาก ส่งผลให้เจสซี่เริ่มมี่ชื่อเสียงนับแต่นั้น 1869 หนังสือพิมพ์ แคนซัสซิตี้ไทม์ ลงเรื่องราวประวัติของ James-Younger Gang อย่างละเอียดเท่าที่หามาได้ และทางการก็ออกประกาศจับ เสือปล้น มูลค่ารางวัลหัวละ 3,000 เหรียญ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
3 เมษายน 1882 ขณะเตรียมตัวปล้นครั้งใหม่ เจสซี่ปีนเก้าอี้ขึ้นไปเช็ดฝุ่นบนรูปข้างฝาผนัง นั่นคือโอกาสหายากประมาณหนึ่งในร้อย อากาศร้อนทำให้ เจสซี่ต้องถอดเสื้อโค๊ตออก ซึ่งทำให้เขาต้องถอดเข็มขัดปืนออกด้วย เพราะกลัวชาวบ้านเดินผ่านไปผ่านมาจะผิดสังเกต เมื่อจังหวะเหมาะมาถึง พี่น้องฟอร์ดพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กัน ทั้งคู่ชักปืนออกจากซอง แต่ โรเบิร์ตไวกว่า เขายิงเจสซี่ข้างหลัง กระสุนเจาะหูทะลุปลายคิ้วซ้าย เจสซี่ เจมส์เสียชีวิตทันที ศพของเจสซี่ เจมส์ ถูกฝังในสุสานเล็กๆในเมือง St. Joseph มลรัฐ รัฐมิซซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางหลุมศพมากมายก่ายกอง

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มังกรตาเดี่ยวแห่ง ยุคเซงโงะกุ

มังกรตาเดี่ยวแห่ง ยุคเซงโงะกุ ดาเตะ มาซะมุเนะ
ไดเมียว องค์สำคัญอีกคนหนึ่งของญี่ปุ่นในยุค เซงโงะกุ และอยู่จนถึงยุคเอโดะ เป็นผู้ที่มีความสามารถ มาก ในด้านการรบไม่สนวิธีการ มีฉายาว่า มังกรตาเดียว นาม ดะเตะ มาซะมุเนะ เกิดในปี ค.ศ. 1566 ดะเตะ ตาบอดแต่เกิดด้วยโรค ฝีดาษ ดะเตะมีความสนใจในด้านศาสนาคริสต์มากกว่าศาสนาของประเทศตน เค้าเป็นผู้ที่กล้ามากถึงขนาดประกาศสงครามกับไดเมียวผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าแคว้นใดจนเกือบจะครองได้ทั้ง ญี่ปุ่น ผู้นำแคว้นโอะวะริ ผู้ครอง ปราสาทโอดะวะระ นามคือ โทโยโทะมิ ฮิเดโยชิ
ชุดเกราะโยโรอิ แบบ จำลองเหมือนจริงชุดเกราะของ ดาเตะ มาซามูเนะ
ดาบของ ดาเตะ มาซามูเนะ ตีขึ้นโดย มูรามาซะ ชั่งตีดาบอันดับหนึ่งของเอโดะ รูปแบบของดาบคล้ายดาบนินจาก ไม่มีกั่นดาบ น้ำหนักเบา ใช้เวลาตี 4 วัน

วีรสตรีแห่ง สงครามกลางเมือง แคนซัสซิตี

วีรสตรีแห่ง สงครามกลางเมือง แคนซัสซิตี
เธอมีชื่อว่า ฟราน เคลย์ตัน เกิดในปี 1888 รูปกลาง นั่นคือตัวตน รูปซ้ายคือตอนที่ปลอมเข้ากองทัพ รูปขวาที่สภาพที่เธอปิดบังตัวตนกว่า 20 ปี เป็นทหารผ่านศึก สงครามกลางเมือง แคนซัสซิตี (รัฐมิสซูรี) ยศ ร้อยเอก อีกชื่อนึง อัลเบิดร์ D.J. แคชเชียร์ (ชื่อผู้ชายของเธอ) เรื่อราวคล้ายๆกับ มู่หลาน คือเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านมีพ่อเป็นอดีตทหารใหญ่ยศ พันตรี ในการสงครามแต่ละบ้านต้องส่ง ลูกหลานที่เป็นผู้ชายให้ 1 คน หากไม่มีจะถูกหาว่าเป็นพวกต่อต้านและถูกยิงทิ้ง บ้านของ ฟราน เคลย์ตัน มีเพียงพ่อเท่านั้นที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวแต่พ่อของเธอป่วยหนักไม่สามารถรบได้และหากพ่อไปจะไม่มีใครอยู่กับแม่ของเธอที่ตาบอด เธอจึงขออาสาไปแทนแม้ว่าพ่อแม่จะห้ามแล้วก็ตาม ใช้เวลา 3 เดือนฝึกก่อนการบจริงในการรบจริงเธอถูกสังกัดหน่วยปืนใหญ่ เป็นการรบจากที่สูง ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้นฐานที่หมั่นถูกตีแตก พวกของเธอถูกล้อมไว้ทางเดียวคือยิงปืใหญ่ให้กระสุนโดนผู้ของพวกมัน แต่ด้วยไม่มีใครที่สามารถยิงได้เพราะไม่รู้ระยะ แต่ ฟราน เคลย์ตัน ทำได้เธอหลักการและทษฏีของทหารที่ทั้งมหดที่เรียนมาจากพ่อของเธอกำหนดระยะการยิงได้แม่นยำที่สุด ในสงครามครั้งนั้น ฝ่ายฝรั่งเศส ชนะเธอถูกแต่งตั้งยศเป็นสิบเอกรองผู้นำหน่วยปืนใหญ่และได้เข้าทำสงครามอีก 3 ครั้งก่อนอเมริกายอมจับมือเป็นพันธมิตร
หลังจากนั้นราว 1 เดือนเธอได้เข้ารับราชการจากกองทัพฝรั่งเศส ขึ้นเป็น ร้อยโท ภายในระยะเวลากว่า 12 ปีในการรับราชกาลเธอนำกองทัพฝรั่งเศสเข้าทำสงครามกว่า 6 ศึก และได้รับชัยชนะก่อนจะว่างมือเพราะร่างกายไม่ไหวแล้ว ด้วยบาดแผลนับร้อย ขนาดทหารที่เป็นผู้ชายก็ว่าสุดแล้วแต่นี่เป็นผู้ที่มีโรคภัยรุมเล้าแถมยังเป้นผู้หญิงทนได้ถึงขนาดที่ว่าโดนยิงกว่า 4 นัดแล้วยังยืนอยู่ได้ เสียชีวิตในปี 1929 ( 41 ปี ) ไม่มีลูกหลานไม่มีผู้สืบสกุลต่อ 1994 ชื่อของเธอถูกจารึว่าเป้นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในโลกคนนึง

ตำนานอนเมียวจิ อาเบะโนะ เซย์เมย์

Abeno Seimei อาเบะโนะ เซย์เมย์
เป็นอนเมียวจิที่มีตัวตนอยุ่จริงในยุคสมัยเฮอัน ของญี่ปุ่น ตรงกับสมัยอณาจักรละโว้ของไทย เซย์เมย์มีชีวิตอยู่ในรัชสมัย เอ็นกิที่ 21 มีชื่อเสียงทางศาสตร์อนเมียวจินับตั้งแต่สมัยคามากุระ ในยุคนั้นเซย์เมย์ถือว่าเป็นหนึ่งทางด้านศาสตร์ของอนเมียวจิ ทั้งด้านพยากรณ์ และ การดูดินฟ้าอากาศ เขาสามารถบงการภูตผีให้ทำตามคำสั่งได้ดุจเทพเจ้า ไม่มีประวัติปรากฏว่าเซย์เมย์ มีผู้สืบทอด ทางสายเลือด ถึงจะมีคนอ้างว่า มีลูกชายที่ชื่อ อาเบะโนะ ยาซุอะกิ เป็นผู้สืบทอดวิชาก็ตามแต่ไม่มีอะไรยืนยันว่า ยาซุอะกิ มีตัวตนจริง เพราะงั้นผู้ที่ได้สืบทอดวิชาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของเซย์เมย์ มากกว่าผู้สืบทอดทางสายเลือด เซย์เมย์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1005 ด้วยอายุ 85 ปี
ตามที่เล่าขานสืบต่อกันมา บ้างก็เชื่อกันว่าแท้ที่จริงแล้วเซย์เมย์ไม่ใช่มนุษย์ ว่ากันว่าพ่อของเซย์เมย์ (อาเบะ โนะ ยะซุนะ) และแม่ของเขา (อาเบะ โนะ คาซุโนะฮะ) เป็นวิญญาณหมาป่าที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ (คิตสึเนะ)
หลังจากเซย์เมย์เสียชีวิต องค์จักรพรรดิอิจิโจวก็สร้างศาลเจ้าเซย์เมย์ในปี ค.ศ. 1007 แม้แต่ปัจจุบัน ก็ยังมีผู้คนไปสักการะเซย์เมย์อย่างไม่ขาดสาย ยิ่งในช่วงที่มีผลงานหนังสือหรือภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับอาเบะ เซย์เมย์ ศาลเจ้าแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนจนแทบไม่มีที่เดินเลยทีเดียว

จอมโจรชื่อดังกระฉ่อนโลก

เอ็ดเวิร์ด เน็ต เคลลี จอมโจรชื่อดังกระฉ่อนโลก
เกิด 3 มิถุนายน ค.ศ. 1854 เขาชาวไอริชโดยกำเนิด เป็นบุตรชายคนโตของ จอห์นและเอลเลน เคลลี เป็นตำนานที่มีจริงของออสเตรเลีย เขากลายเป็นบุคคลนอกกฎหมายที่ก่อคดีปล้นธนาคารโดยที่กำลังพลรักษาความปลอดภัยทำอะไรไม่ได้เพราะกว่าจะรู้ตัว เงินก็ถูกปล้นไปใกล้แล้ว เค้าได้ตั้งแก๊งขึ้นมารวมกับเพื่อของเขา แฮรี พาวเวอร์ ชื่อว่าแก๊งเคลลี จำนวนสมาชิก 7 คนรวม เน็ด เคลลี และตัวเค้าได้รับฉายา ปีศาจเงา ในปี 1878 เขารอดตายจากการยิงปะทะกับตำรวจกว่า 40 นาย สมาชิกของแก๊งเสียชีวิต 2 และก็ได้หายไป 18 เดือน หลังจากนั้น แก๊งเคลลีออกปล้นธนาคาร และเมืองต่างๆ ทั่วออสเตรเลียอีกครั้งในคืนเดี่ยว ปล้นถึง 3 ที่ ในระยะทางห่างกัน 20 กิโลเมตร จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ถูกตั้งค่าหัวสูงถึง 8,000 ปอนด์ นับเป็นจอมโจรที่มีราคาค่าหัวสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษ มีหนึ่งชื่อคือขุนโจรหน้ากากเหล็กในช่วงแรกที่ แก๊งเคลลี่ อลวาด ใหม่ตัวเขาหัวหน้าแก๊ง จะใส่หน้ากากเหล็ก รูปร่างเหมือนหมวกทหารโรมัน วีรกรรมของเขาเหมือนตี้ใหญ่ เพราะเขารอดพ้นการจับกุมได้หลายครั้งด้วยกลอุบาย และความแลาดแม้ถูกล้อมจับเขาก็หลุดรอดไปได้แทบทุกครั้ง
เหยื่อที่ถูกสังหารโดย เคลลี มี โดยตรงมีจำนวน 70 ชีวิต ในนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ด้วย 2 คนเป็นเด็กผู้ชายทั้งสองคน
จอมโจรผู้นี้ถูกทางการจับกุมได้ในรัฐวิกตอเรีย ปี 1880 ศาลพิพากษาประหารชีวิตเขาด้วยการแขวนคอในเรือนจำโอลด์เมลเบิร์น หลังจากประหารชีวิต เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียได้ตัดส่วนหัวกะโหลก และอวัยวะบางส่วนของเน็ด เคลลี เก็บไว้ทำการศึกษา ตามแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในสมัยนั้น กระโหลกและชิ้นสวนของเค้ากลายเป็น สมบัติของชาติไป นปี 1978 ส่วนหัวกะโหลกของเคลลีถูกขโมย ขณะตั้งแสดงอยู่ในเรือนจำโอลด์เมลเบิร์นในฐานะสมบัติของชาติ ในที่สุดเมื่อปี 2009 มีการขุดหลุมศพที่เชื่อว่ามีร่างของเน็ด เคลลี ฝังอยู่พร้อมกับร่างของนักโทษประหารชีวิตอีก 32 ศพขึ้นมาอีกครั้ง คณะแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์วิตอเรียนสามารถตรวจพบว่า โครงกระดูกที่ขุดพบเป็นของเน็ด เคลลี ตัวจริงเสียงจริง จากการพิสูจน์กับดีเอ็นเอของ เลห์ โอลเวอร์ เหลนชายของ เอลเลน พี่สาว ของเน็ด เคลลี คำพูดสุดท้ายของเขาคือ “นี้แหละรสชาตชีวิต” จากนั้นต่อมาด้วยชื่อของเขาที่เป็นตำนานผู้คนจึงเล่าขานต่อกันมาจนในที่สุด เคลลี่ ก็กลายเป็นตำนานเสือใบต้นแบบที่ทุกคนมองว่าเขาเป็นวีรบุรุษประจำชาติมากกว่าวายร้ายของประเทศออสเตเลีย
ภาพของ เอ็ดเวิร์ด เน็ต เคลลี สมัยหนุ่มภาพถ่ายก่อนเป็นจอมโจร