วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มังกรตาเดี่ยวแห่ง ยุคเซงโงะกุ

มังกรตาเดี่ยวแห่ง ยุคเซงโงะกุ ดาเตะ มาซะมุเนะ
ไดเมียว องค์สำคัญอีกคนหนึ่งของญี่ปุ่นในยุค เซงโงะกุ และอยู่จนถึงยุคเอโดะ เป็นผู้ที่มีความสามารถ มาก ในด้านการรบไม่สนวิธีการ มีฉายาว่า มังกรตาเดียว นาม ดะเตะ มาซะมุเนะ เกิดในปี ค.ศ. 1566 ดะเตะ ตาบอดแต่เกิดด้วยโรค ฝีดาษ ดะเตะมีความสนใจในด้านศาสนาคริสต์มากกว่าศาสนาของประเทศตน เค้าเป็นผู้ที่กล้ามากถึงขนาดประกาศสงครามกับไดเมียวผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าแคว้นใดจนเกือบจะครองได้ทั้ง ญี่ปุ่น ผู้นำแคว้นโอะวะริ ผู้ครอง ปราสาทโอดะวะระ นามคือ โทโยโทะมิ ฮิเดโยชิ
ชุดเกราะโยโรอิ แบบ จำลองเหมือนจริงชุดเกราะของ ดาเตะ มาซามูเนะ
ดาบของ ดาเตะ มาซามูเนะ ตีขึ้นโดย มูรามาซะ ชั่งตีดาบอันดับหนึ่งของเอโดะ รูปแบบของดาบคล้ายดาบนินจาก ไม่มีกั่นดาบ น้ำหนักเบา ใช้เวลาตี 4 วัน

วีรสตรีแห่ง สงครามกลางเมือง แคนซัสซิตี

วีรสตรีแห่ง สงครามกลางเมือง แคนซัสซิตี
เธอมีชื่อว่า ฟราน เคลย์ตัน เกิดในปี 1888 รูปกลาง นั่นคือตัวตน รูปซ้ายคือตอนที่ปลอมเข้ากองทัพ รูปขวาที่สภาพที่เธอปิดบังตัวตนกว่า 20 ปี เป็นทหารผ่านศึก สงครามกลางเมือง แคนซัสซิตี (รัฐมิสซูรี) ยศ ร้อยเอก อีกชื่อนึง อัลเบิดร์ D.J. แคชเชียร์ (ชื่อผู้ชายของเธอ) เรื่อราวคล้ายๆกับ มู่หลาน คือเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านมีพ่อเป็นอดีตทหารใหญ่ยศ พันตรี ในการสงครามแต่ละบ้านต้องส่ง ลูกหลานที่เป็นผู้ชายให้ 1 คน หากไม่มีจะถูกหาว่าเป็นพวกต่อต้านและถูกยิงทิ้ง บ้านของ ฟราน เคลย์ตัน มีเพียงพ่อเท่านั้นที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวแต่พ่อของเธอป่วยหนักไม่สามารถรบได้และหากพ่อไปจะไม่มีใครอยู่กับแม่ของเธอที่ตาบอด เธอจึงขออาสาไปแทนแม้ว่าพ่อแม่จะห้ามแล้วก็ตาม ใช้เวลา 3 เดือนฝึกก่อนการบจริงในการรบจริงเธอถูกสังกัดหน่วยปืนใหญ่ เป็นการรบจากที่สูง ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้นฐานที่หมั่นถูกตีแตก พวกของเธอถูกล้อมไว้ทางเดียวคือยิงปืใหญ่ให้กระสุนโดนผู้ของพวกมัน แต่ด้วยไม่มีใครที่สามารถยิงได้เพราะไม่รู้ระยะ แต่ ฟราน เคลย์ตัน ทำได้เธอหลักการและทษฏีของทหารที่ทั้งมหดที่เรียนมาจากพ่อของเธอกำหนดระยะการยิงได้แม่นยำที่สุด ในสงครามครั้งนั้น ฝ่ายฝรั่งเศส ชนะเธอถูกแต่งตั้งยศเป็นสิบเอกรองผู้นำหน่วยปืนใหญ่และได้เข้าทำสงครามอีก 3 ครั้งก่อนอเมริกายอมจับมือเป็นพันธมิตร
หลังจากนั้นราว 1 เดือนเธอได้เข้ารับราชการจากกองทัพฝรั่งเศส ขึ้นเป็น ร้อยโท ภายในระยะเวลากว่า 12 ปีในการรับราชกาลเธอนำกองทัพฝรั่งเศสเข้าทำสงครามกว่า 6 ศึก และได้รับชัยชนะก่อนจะว่างมือเพราะร่างกายไม่ไหวแล้ว ด้วยบาดแผลนับร้อย ขนาดทหารที่เป็นผู้ชายก็ว่าสุดแล้วแต่นี่เป็นผู้ที่มีโรคภัยรุมเล้าแถมยังเป้นผู้หญิงทนได้ถึงขนาดที่ว่าโดนยิงกว่า 4 นัดแล้วยังยืนอยู่ได้ เสียชีวิตในปี 1929 ( 41 ปี ) ไม่มีลูกหลานไม่มีผู้สืบสกุลต่อ 1994 ชื่อของเธอถูกจารึว่าเป้นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในโลกคนนึง

ตำนานอนเมียวจิ อาเบะโนะ เซย์เมย์

Abeno Seimei อาเบะโนะ เซย์เมย์
เป็นอนเมียวจิที่มีตัวตนอยุ่จริงในยุคสมัยเฮอัน ของญี่ปุ่น ตรงกับสมัยอณาจักรละโว้ของไทย เซย์เมย์มีชีวิตอยู่ในรัชสมัย เอ็นกิที่ 21 มีชื่อเสียงทางศาสตร์อนเมียวจินับตั้งแต่สมัยคามากุระ ในยุคนั้นเซย์เมย์ถือว่าเป็นหนึ่งทางด้านศาสตร์ของอนเมียวจิ ทั้งด้านพยากรณ์ และ การดูดินฟ้าอากาศ เขาสามารถบงการภูตผีให้ทำตามคำสั่งได้ดุจเทพเจ้า ไม่มีประวัติปรากฏว่าเซย์เมย์ มีผู้สืบทอด ทางสายเลือด ถึงจะมีคนอ้างว่า มีลูกชายที่ชื่อ อาเบะโนะ ยาซุอะกิ เป็นผู้สืบทอดวิชาก็ตามแต่ไม่มีอะไรยืนยันว่า ยาซุอะกิ มีตัวตนจริง เพราะงั้นผู้ที่ได้สืบทอดวิชาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของเซย์เมย์ มากกว่าผู้สืบทอดทางสายเลือด เซย์เมย์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1005 ด้วยอายุ 85 ปี
ตามที่เล่าขานสืบต่อกันมา บ้างก็เชื่อกันว่าแท้ที่จริงแล้วเซย์เมย์ไม่ใช่มนุษย์ ว่ากันว่าพ่อของเซย์เมย์ (อาเบะ โนะ ยะซุนะ) และแม่ของเขา (อาเบะ โนะ คาซุโนะฮะ) เป็นวิญญาณหมาป่าที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ (คิตสึเนะ)
หลังจากเซย์เมย์เสียชีวิต องค์จักรพรรดิอิจิโจวก็สร้างศาลเจ้าเซย์เมย์ในปี ค.ศ. 1007 แม้แต่ปัจจุบัน ก็ยังมีผู้คนไปสักการะเซย์เมย์อย่างไม่ขาดสาย ยิ่งในช่วงที่มีผลงานหนังสือหรือภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับอาเบะ เซย์เมย์ ศาลเจ้าแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนจนแทบไม่มีที่เดินเลยทีเดียว

จอมโจรชื่อดังกระฉ่อนโลก

เอ็ดเวิร์ด เน็ต เคลลี จอมโจรชื่อดังกระฉ่อนโลก
เกิด 3 มิถุนายน ค.ศ. 1854 เขาชาวไอริชโดยกำเนิด เป็นบุตรชายคนโตของ จอห์นและเอลเลน เคลลี เป็นตำนานที่มีจริงของออสเตรเลีย เขากลายเป็นบุคคลนอกกฎหมายที่ก่อคดีปล้นธนาคารโดยที่กำลังพลรักษาความปลอดภัยทำอะไรไม่ได้เพราะกว่าจะรู้ตัว เงินก็ถูกปล้นไปใกล้แล้ว เค้าได้ตั้งแก๊งขึ้นมารวมกับเพื่อของเขา แฮรี พาวเวอร์ ชื่อว่าแก๊งเคลลี จำนวนสมาชิก 7 คนรวม เน็ด เคลลี และตัวเค้าได้รับฉายา ปีศาจเงา ในปี 1878 เขารอดตายจากการยิงปะทะกับตำรวจกว่า 40 นาย สมาชิกของแก๊งเสียชีวิต 2 และก็ได้หายไป 18 เดือน หลังจากนั้น แก๊งเคลลีออกปล้นธนาคาร และเมืองต่างๆ ทั่วออสเตรเลียอีกครั้งในคืนเดี่ยว ปล้นถึง 3 ที่ ในระยะทางห่างกัน 20 กิโลเมตร จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ถูกตั้งค่าหัวสูงถึง 8,000 ปอนด์ นับเป็นจอมโจรที่มีราคาค่าหัวสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษ มีหนึ่งชื่อคือขุนโจรหน้ากากเหล็กในช่วงแรกที่ แก๊งเคลลี่ อลวาด ใหม่ตัวเขาหัวหน้าแก๊ง จะใส่หน้ากากเหล็ก รูปร่างเหมือนหมวกทหารโรมัน วีรกรรมของเขาเหมือนตี้ใหญ่ เพราะเขารอดพ้นการจับกุมได้หลายครั้งด้วยกลอุบาย และความแลาดแม้ถูกล้อมจับเขาก็หลุดรอดไปได้แทบทุกครั้ง
เหยื่อที่ถูกสังหารโดย เคลลี มี โดยตรงมีจำนวน 70 ชีวิต ในนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ด้วย 2 คนเป็นเด็กผู้ชายทั้งสองคน
จอมโจรผู้นี้ถูกทางการจับกุมได้ในรัฐวิกตอเรีย ปี 1880 ศาลพิพากษาประหารชีวิตเขาด้วยการแขวนคอในเรือนจำโอลด์เมลเบิร์น หลังจากประหารชีวิต เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียได้ตัดส่วนหัวกะโหลก และอวัยวะบางส่วนของเน็ด เคลลี เก็บไว้ทำการศึกษา ตามแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในสมัยนั้น กระโหลกและชิ้นสวนของเค้ากลายเป็น สมบัติของชาติไป นปี 1978 ส่วนหัวกะโหลกของเคลลีถูกขโมย ขณะตั้งแสดงอยู่ในเรือนจำโอลด์เมลเบิร์นในฐานะสมบัติของชาติ ในที่สุดเมื่อปี 2009 มีการขุดหลุมศพที่เชื่อว่ามีร่างของเน็ด เคลลี ฝังอยู่พร้อมกับร่างของนักโทษประหารชีวิตอีก 32 ศพขึ้นมาอีกครั้ง คณะแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์วิตอเรียนสามารถตรวจพบว่า โครงกระดูกที่ขุดพบเป็นของเน็ด เคลลี ตัวจริงเสียงจริง จากการพิสูจน์กับดีเอ็นเอของ เลห์ โอลเวอร์ เหลนชายของ เอลเลน พี่สาว ของเน็ด เคลลี คำพูดสุดท้ายของเขาคือ “นี้แหละรสชาตชีวิต” จากนั้นต่อมาด้วยชื่อของเขาที่เป็นตำนานผู้คนจึงเล่าขานต่อกันมาจนในที่สุด เคลลี่ ก็กลายเป็นตำนานเสือใบต้นแบบที่ทุกคนมองว่าเขาเป็นวีรบุรุษประจำชาติมากกว่าวายร้ายของประเทศออสเตเลีย
ภาพของ เอ็ดเวิร์ด เน็ต เคลลี สมัยหนุ่มภาพถ่ายก่อนเป็นจอมโจร

วูดส์เดส โรเจอร์ ราชาโจรสลัด

วูดส์เดส โรเจอร์ Woodes Roger จ้าวหรือราชาโจรสลัด
โจรสลัดที่ได้รับสมญานามว่า จ้าวแห่งโจรสลัด มีชีวิตอยู่ในช่วงช่วงปลายปี 1689 – 1732 โรเจอร์เป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีที่มั่งคั่ง ครอบครัวของเค้าดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเดินเรือค้าขายให้มีเรือหลายลำอยู่ใน การครอบครองในช่วงวัยหนุ่มอายุ 25ปี โรเจอร์แต่งงานกับ ซาร่า เวสตั้น ลูกสาวของนายพล วิลเลี่ยม เวสตั้น มีบุตรชายและบุตรสาวหลายคน แต่ทว่าเมื่อพ่อของเค้า วูดส์ โรเจอร์ เสียชีวิตเรือทั้งหมดจึงตกอยู่ในการดูแลของโรเจอร์ธุรกิจของเค้าเริ่มย่ำแย่ ทำให้เค้าเริ่มคิดที่จะเสริมศักยภาพให้เรือของเค้าจนกลายเป็นเรือรบติดอาวุธจนในที่สุดเรือที่เค้าพัฒนาขึ้นก็เป็นเรือที่แข็งแกร่งและทันสมัยที่สุดในยุคนั้น
แต่ก็ยังไม่พ้น แม้จะมีเรือที่ติดอาวุธแต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของกองเรือสเปน ที่โจมตีเรือเขาอยู่หลายครั้ง ซ้ำหลายครั้งยังถูกปล้นอีก ทำให้หลายครั้งเขาถูกรัฐบาลว่าอย่างรุนแรง และ ถูกระงับธุระกิจ ลูกเรือหลายคนละทิ้งน่าที่ ลาออก บ้างก็ตายจาการโจมตีของกองเรือสเปน ทำให้ชีวิตเขาตกต่ำมาก
1718 โรเจอร์ สุดทนกับความลำบากที่ตนต้องแบกรับ จึงได้จัดตั้งกองโจรสลัดของตนขึ้นมา ด้วยภัคพวกอีก 1,700 คน และประกาศเป็นศัตรู กับกองทัพ ฝรั่งเศษ และ สเปน เขาโจมตีกองเรือลาดตระเวนของฝรั่งเศสของพินาศ โรเจอร์รู้ดีว่ากำลังที่มีสู้ไม่ได้เพราะการที่เขาทำลายกองเรือลาดตระเวนของฝรั่งเศสนั่นก็ทำให้เขาถูกหมายหัวเรียบร้อยไม่หีก็ตายสู้ก็ตายหนีก็ไม่รู้ว่าจะไปใหนเขามีทางเลือกเพียงหนึ่งเดี่ยวคือ ขอกำลังเสริมจากโจรสลัดทั่วโลก ที่มีความแค้นกับกองทัพฝรั่เศษ เข้ารวมสงคราม กองโจรสลัดมากกว่า 16 กองตอบรับคำขอของโรเจอร์ และได้มีการประชุมครั้งใหญ่ของโจรสลัดเกิดขึ้น โจรสลัดหลายกลุ่มตัดสินใจเด็ดขาดให้ โรเจอร์ เป็นผู้นำบัญชาการกองกำลังโจรสลัดทั้งหมด
และสงครามการนองเลือดครั้งใหญ่ ก็เริ่มขึ้นกินเวลาถึง 2 วัน 2 คืนเต็ม กองทัพฝรั่งเศษยอมถ่อยทัพกลับไปแต่โดยดี ทำให้กองโจรสลัดทั้งหมดได้กุมชัยชนะ และทำให้ชื่อเสื่งของโรเจอร์ ดังกระฉ่อน ไปทั่วโลก หลายกองทัพได้ประกาศตั้งค่าหัวและตามจับตัวโรเจอร์ จนทำให้เืกิดสงครามขึ้นบ่อยครั้งและเกือบทุกครั้งฝ่ายสลัดจะชนะเสมอ จนในที่สุด โรเจอร์ ได้เขามอบตัวกับทางกองทัพฝรังเศษ เหตุเพราะจากโรคร้ายที่ทำให้ ร่างกายเค้าอ่อนแอลงทุกวันแต่ดูเหมือนมันจะไม่ดีขึ้นเลยกลับยิ่งเลวร้ายลง จึงทำให้เค้าต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดจบเรื่องทุกอย่าง หากเค้าตาย พวกพ้องของเค้าก็จะรอด 15 กรกฏาคม 1732 ในวัย 53ปี สาเหตุการตายยังคงลึกลับ ก่อนที่จะประหารเค้าได้มีอาการป่วยหนักและตายในคุก ....................................................................................... เรื่องราวของเขาถูกนำเขียนเป้นนิยายหลายเรื่องและมีปรากฏในการ์ตูน วันพีช ในชื่อของ โกล ดี โรเจอร์ ราชาโจรสลัด
ผู้ที่สืบสายเลือดแห่งดีความสามารถพิเศษอ่านอักษรได้ทุกชนิดและรับรู้เสียงได้ทุกสรรพสิ่ง รู้จักกันมากที่สุดในนามโกล์ดโรเจอร์เป็นอดีตราชาโจรสลัดซึ่งเป็นกัปตันกลุ่มโจรสลัด โกล์ด โรเจอร์ และเป็นเจ้าของสมบัติในตำนานที่เรียกว่า วันพีช

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โจเซฟ สตาลิน ผู้นำของสหภาพโซเวียต

โจเซฟ สตาลิน ผู้นำของสหภาพโซเวียต เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
ชื่อจริงของเขาคือ Ioseb Besarionis dze Jughashvili เกิด 3 เมษายน 1922 ที่เมือง โกรี ประเทศจอร์เจีย รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐของจักรวรรดิรัสเซียสมัยนั้น เขาก็เป็นชาวจอร์เจียนโดยกำเนิด สืบทอดอำนาจต่อจาก วลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำนักปฏิวัติ คนแรกของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1924 เป็นผู้ที่ทำให้โซเวียตเป็นขั่วอำนาจในสงครามเย็น ผู้ออกก็หมาย ให้ศาสนาเป็นสิ่งผิดกฎหมายในรัฐคอมมิวนิสต์ บทบาทของพระเจ้าก็ถูกเล่น ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง ผู้นำของสหภาพโซเวียต เขาถูกเรียกว่า บิดาแห่งชาวสหภาพโซเวียตทั้งปวง แต่เดิมชีวิตของเขา สตาลินต้องประกอบอาชีพต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต ตั้งแต่เป็นครู และเป็นเสมียน เขาเริ่มเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในจอร์เจีย เพื่อเผยแพร่แนวคิดของเขา จนถึง ค . ศ . ๑๙๐๑ เขาก็เข้าร่วมกับพรรคสังคมประชาธิปไตยแรงงานรุสเซียอย่างเป็นทางการ และร่วมเคลื่อนไหวจัดตั้งกรรมกร ผลักดันให้กรรมกรนัดหยุดงาน เขาจึงถูกจับกุมใน ค . ศ . ๑๙๐๒ ถูกขังอยู่ ๑๘ เดือน และถูกเนรเทศไปยังไซบีเรีย แต่ปรากฏว่าเขาหนีกลับมาได้ และเข้าร่วมในฝ่ายบอลเชวิค ซึ่งเป็นกลุ่มในพรรคสังคมประชาธิปไตยที่ สนับสนุนวลาดิมีร์ เลนินค . ศ . ๑๙๑๓ สตาลินถูกจับอีกครั้ง และถูกเนรเทศไปไซบีเรียตลอดชีวิต แต่การปฏิวัติในเดือนกุมภาพันธ์ ค . ศ . ๑๙๑๗ ทำให้นักโทษการเมืองทุกคนได้รับการนิรโทษ สตาลินได้กลับมาเป็นบรรณาธิการหนังสือปราฟดาของพรรคบอลเชวิค และต่อมาได้ร่วมการปฏิวัติในเดือนตุลาคม ค . ศ . ๑๙๑๗ อันนำมาซึ่งการสถาปนาอำนาจของพรรคบอลเชวิกหลังการปฏิวัติ สตาลินได้รับการแต่งตั้งเป็นคอมมิสซาร์ชนกลุ่มน้อย รับผิดชอบชนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในจักรวรรดิรุสเซีย โดยมีเป้าหมายให้กลุ่ม ชนเหล่านี้ มีสิทธิในการปกครองตนเองภายในโซเวียต จึงได้สนับสนุนให้กลุ่มชนต่าง ๆ ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์และเข้าร่วมการปฏิวัติ โดยรบกับฝ่ายขาวและกลุ่มอื่น ๆ ที่พยายามทำลายการปฏิวัติรุสเซียในการประชุมสมัชชาพรรค ค . ศ . ๑๙๒๒ ด้วยความทะเยอทะยานทำให้สตาลินได้เริ่มมีบทบาทสำคัญในพรรคบอลเชวิค โดยสตาลินได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสำนักเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อช่วยงานเลนิน ปรากฏว่าหลังจากนี้ เลนินเริ่มป่วยมากขึ้น ทำให้งานประจำภายในพรรคต้องตกอยู่ในความดูแลของสตาลินมากขึ้นเลนินถึงแก่กรรมในวันที่ ๒๔ มกราคม ค . ศ . ๑๙๒๔ จึงได้รับสืบอำนาต่อ
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นกับรัสเซีย ปี ค.ศ. 1941 - ค.ศ. 1945 เขานำโซเวียตชนะสงคราม โดยประชาชนเสียชีวิต 20 ล้านคน ทหารเสียชีวิต 10 ล้านคน
การปกครองของสตาลินไม่เท่าฮิตเลอร์แต่ก็เผด็จการพอๆกัน เขาจัดการกับผู้ต่อต้านโดยการทรมาณระยะหนึ่งจนผู้ต่อต้านสำนึกผิดเขาจึงขอให้เข้าร่วมกองทัพกับเขาด้วย แต่หากไม่ยอมเข้าร่วมก็ต้องใช้วิธีที่ใช้มาแต่โบราณ คือ การสั่งประหาร ด้วยวิธีการหลายอย่าง
เรียกได้ว่าเปํนผู้ที่ทรงอิทธิพลระดับตำนานของโลกกับประชาชนของประเทศตนแล้วดูแลได้อย่างทั่วถึงนั่นคือเหตุผลที่หลายคนให้ความเคารพเขา แต่ในอีกด้านหนึ่ง สตาลินก็ ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่เหี้ยมโหดพอๆกับฮิตเลอร์ ว่าด้วยเรื่องการกวาดล้างครั้งใหญ่ระหว่าง ค . ศ . ๑๙๓๕ - ๑๙๓๙ ซึ่งทำให้มีผู้ล้มตายและหายสาบสูญจำนวนมากเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยการใช้แผนการขั้นสูงที่ใช้เวลาเตรียมการหลายเดือนคือ ยุทธการสตาลินกราด เป็นยุทธการใหญ่ของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ใช้ทำสงครามกับนาซีเยอรมนีและพันธมิตรฝ่ายหนึ่งใน วันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1942 สตาลินก็นำสหภาพโซเวียตเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร ทำให้โซเวียตอยู่ในฐานะผู้ชนะสงคราม และกลายเป็นหนึ่งในสองอภิมหาอำนาจของโลก
เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 หลังสตาลินตาย ครุฟซอฟ ผู้นำคนใหม่ได้ผ่อนคลายความเข้มงวดในระบบสตาลินลง พร้อมทั้งประณามขุดคุ้ยความโหดร้ายของเจ้านายคนเก่าของเขา จนในที่สุดทุกๆ ที่ ที่มีรูปปั้นสตาลินถูกทุบทิ้ง เพลงชาติถูกลบชื่อของเขาออก ศพของเขาถูกย้ายจากข้างๆ เลนิน ไปฝังอยู่ในกำแพงวังเครมลิน
เพิ่มนิดๆ โจเซฟ สตาลิน เป็นชื่อจัดตั้ง เดิมชื่อ โจซิป ดูกาสลี (Josip Djugashvili)

การปฏิวัติฝรั่งเ้ศส

แมกซิมิลเลียน โรแบสปิแอร์ (Maximillen Robespierre) ผู้อยู่เบื้องหลังในการปฏิวัติฝรั่งเศส
เกิด 6 พ.ค 1758 เมืองอารัส ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะ ผู้ที่กล่าวหาพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส และพระนางมาลีว่า ได้ทรงกระทำการในสิ่งที่เป็นการขายชาติ ทั้งยังเรียกร้องให้ประหารชีวิตทั้งสองพระองค์อีกด้วย เรื่องทั้งหมดเริ่มด้วยเพราะมีกระแสในเรื่องมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ไม่ใย่ดีประชาชนปล่อยให้อดตาย โดยในปี 1788 เกิดความแห้งแล้งขาดแคลนอาหารมากนับว่าเป็นอีกครั้งในรอบ 60 ปี ขนมปังจึงมีราคาสูงขึ้นทำให้เกิดการกักตุนอาหาร คนต้องใช้รายได้ทั้งเดือนมาหาซื้อขนมปังในวันเดียว ทำให้เกิดจลาจลขึ้นทั่วไปเพื่อปล้นขนมปัง แมกซิมิลเลียน ไม่พอใจที่พรเจ้าหลุยส์ไม่ยอมทำอะไรนอกจากจ้าง รัฐมนตรีการคลัง จ้าค เนกเกอร์ ด้วยเงินหลายสิบล้าน เพื่อเยื่อชีวิตประเทศต่อไปได้อีกวัน เป็นเวลาไม่นานฝรั่งเศส ถูกแทกรโดยประเทศใกล้เคียง รัสเซีย สเปน
ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 จึงยกขบวนประมาณ 800 คนไปที่คุกบาสตีย์ (Bastille) ซึ่งใช้เป็นที่ขังนักโทษการเมืองเข้าฆ่าทหารในคุกด้วยมีดและหอก และนำหัวของผู้คุมคุกมาเสียบประจานบนหอก เขาจึงกลายเป็นจอมเผด็จการอย่างแท้จริง ในวันต่อมา แมกซิมิลเลียน กับแนวร่วมได้ประกาศการปฏิวัติฝรั่งเศส การบุกคุกบาสตีย์ ทำให้การปฏิวัติไม่มีการหันหลังกลับ แต่เป็นการปลดปล่อยประชาชนออกจากอดีตและเป็นการโค่นล้มทรราช ประชาชนทำการพังคุกนี้ด้วยมือเปล่า ขนหินแต่ละก้อนออกมาเพื่อทำลายสัญลักษณ์แห่งการกดขี่ทั้งมวล
http://www.youtube.com/watch?v=M7FG0NoYkHk
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ได้มีกฎหมายชื่อว่า คำประกาศแห่งสิทธิของมวลมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยหลักการสำคัญ 3 ข้อที่เป็นอุดการณ์ของการปฏิวัติฝรั่งเศส คือ เสรีภาพ (liberty) เสมอภาค (equality) และภราดรภาพ (fraternity) ในเวลาต่อมาพวกซองกูลอตถือว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตจำนวนมากของชาวฝรั่งเศสที่พระราชวังตุยเลอรี พระเจ้าหลุยส์สที่ 16 จึงถูกประหารด้วยกิโยตีนเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 1793 สมัยปฏิวัติฝรั่งเศสเกิดขึ้นเมื่อมีการออกกฎหมายเดือน มิ.ย. 1794 ระบุว่าศัตรูของประชาชนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาลปฏิวัติแห่งกรุงปารีส และถูกพิพากษาตามความพอใจของคณะลูกขุนมากกว่าหลักฐานอื่นใด จำเลยจะไม่ได้รับสิทธิของคำปรึกษา แก้คดีและคำตัดสินก็มีเพียงให้ปล่อยตัวหรือให้ประหาร
ภายใน 9 สัปดาห์ที่ใช้กฎหมายนี้จำนวนพลเมืองที่ถูกศาลปฏิวัติตัดสินประหารมีจำนวน 1,600 คนสตรีถูกข่มขืนอย่างทารุณ การกระทำนี้ถูกประณามไปทั่วยุโรป คณะปฏิวัตินำโดย นำโดยโรแบสปิแอร์ ได้มีการประการสังหารหมู่กบฏและพระนับร้อยนับพันคน ฝรั่งเศสจมลงสู่ก้นบึ้งความสิ้นหวัง แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดซะทีเดี่ยว เพราะในความมืดยังมีแสงสว่างอยู่ที่กำลังมาเพื่อปลดปล่อยผู้คนอยู่ และในที่สุดอัศวินขี่ม้าขาวก็ปรากฏตัวขึ้นนามนั่นคือ นโปเลียน โบนาปาร์ต
กองทัพฝรั่งเศสนำโดยนายทหารชื่อ นโปเลียน โบนาปาร์ต ขับไล่อังกฤษออกไปได้ และได้เขาทำศึกกับคณะปฏิวัติถึง 3 ครั้ง และในที่สุดเขาได้ทำให้สงครามสงบลง 5 กุมภาพันธ์ 1794 โรเบสปิแอร์ และคนสนิทผู้นำในการต่อสู้ป้องกันประเทศถูกจับกุมและถูกประหารเป็นพันคน
หลังจากพยายามฆ่าตัวตายจนบาดเจ็บสาหัส ต่อมาจึงถูกประหารด้วยเครื่องกิโยตินในวันที่ 28 ก.ค. 1794 ก็นับเป็นการสิ้นสุดสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว หลังจากนั้นอีก 5 ปีอำนาจได้ตกมาสู่นโปเลียน โบนาปาร์ต การปฏิวัติจึงสิ้นสุดลง และทำให้ฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคสมัยที่เข้มแข็งที่สุด

แวมไพร์อายุ 700

James P. Riva .......................................................... เกิด 28 มิถุนายน 1948 - เสียชีวิต 7 มิถุนายน 2012 เกิดในเมืองแมนฮัตตัน เ เขาเป็นนักธุระกิจชาวอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงมากและมีการถูกลอบสังหารหลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่งที่ถูกยิงทะลุหน้าอกซ้ายเชียดหัวใจแต่กลับไม่ตาย และเค้าได้ก่อคดีฆ่าคนตายเขาดื่มสุราจนครุ่มครั่งเอามีดฟันแฟนสาวจนเสียชีวิตเขาดื่มเลือดที่ไหลจากบาดแผลของเธอและจุดไฟเผาบ้านของเธอ เมือถูกจับเขาอ้างว่าเขาเป็นแวมไพร์อายุ 700 เค้าถูกจับและเขาถูกตัดสินให้ติดคุกตลอดชีวิตใน เสียชีวิตในโรงพยาบาลมีที่ 7 มิถุนายน 2012 เวลาอายุ 63 ........................................................ จำคุกตลอดชีวิตของจิ๊บๆ น่ะเป็นแวมไพร์ เป็นอมตะเด๋วถ้าอีกร้อยปีไม่ตาย ก็คงถูกปล่อยออกมาเองนะละ 555
James P. Riva, 1981

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เธซีอุส บุรุษผู้สังหาร มิโนทอร์

เธซีอุส บุรุษผู้สังหารมิโนทอร์ เป็นโอรสของมหาเทพซุส ผู้ครองกรุงเอเธนส์ (เป็นเมืองหลวงของประเทศกรีซและยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศกรีซ ใช้ชื่อตามพระเจ้าอธีนา) ตั้งแต่เด็กเขามีพลังกำลังของซุสโดยกำเนิด เมื่ออายุ 6 ขวบ เขาสามารถทำลายศิลาหินจนแหลกละเอียด ด้วยการใช้หัวพุ่งชน เธสิอุส (Theseus) ผู้เป็นโอรสของพระราชาอีจีอุส (Ageus) แห่งเอเธนส์ เธสิอุสประกาศว่าเขาจะต้องเป็นผู้พิชิตมิโนทอร์ฆ่ามันให้ได้และจะกลับมาหาบิดาผู้ชรา การสู้กับมิโนทอร์ เธสิอุสสามารถกระโดดหลบหลีกการจู่โจมของมิโนทอร์ ได้ทุกครั้ง พอสบโอกาสเขาก็คว้าเขาของมิโนทอร์ไว้ และใช้กำลังเข้ายันจนมันตกเป็นเบี้ยล่าง มิโนทอร์ร้องโหยหวน เสียงการต่อสู้ก็ดังออกไปถึงนอกเขาวงกต ไม่ช้าผู้คนก็ได้ยินเสียง เธสิอุสซึ่งจับเขาสองข้างของสัตว์ร้ายไว้ได้มั่นและออกแรงบิดอย่างฉับพลันทำให้คอมิโนทอร์หักสะบั้น วัวดุในร่างมนุษย์ที่ดุร้ายน่าสะพรึงกลัวของครีตก็สิ้นชื่อในบัดดล เธสิอุสคลำทางตามเส้นด้ายจนออกมาข้างนอกเขาวงกต
.....................................................
มิโนทอร์ (Minotaur)ตือ อมนุษย์ตามตำนานเทพนิยายกรีก มิโนทอร์มีตัวเป็นคนหัวเป็นวัว เกิดอยู่ในคุกที่ไม่มีทางออกสร้างโดยแดดาลุส-นักประดิษฐ์ ซึ่งได้รับคำสั่งจากราชาไมนอส (Minos) เป็นห้องโถงที่มีทางเข้าทางออกวกวนน่าเวียนหัว มีทั้งชั้นล่างและชั้นบน เป็นเขาวงกต (Labyrinth)
บางตำนานเล่าว่า มิโนทอร์ คือทหารทัพหลักของไมนอส ในสงครามระหว่างเทพและมนุษย์ ทหาร ผู้แข็งแกร่งและดุดันยิ่งกว่าทัพใด แต่ก็พ่ายให้ โพไซดอน

อคิลลิส (Achilles)

วีรบุรุษสงครามกรุงทรอย อคิลลิส (Achilles)
วีรบุรุษในตำนานกรีกโบราณนักรบฝีมือชั้นสูงในสงครามเมืองทรอย เป็นตัวละครหลักและนักรบผู้ยิ่งใหญ่ในมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์อคิลลีส บุตรกษัตริย์พีลูส (Peleus) แห่งแคว้นพิเธีย (Phthia) อคิลลีสมิได้ปฏิญาณสัตย์เหมือนนายทัพคนอื่น ๆ เพราะในช่วงเวลานั้นเขายังเป็นทารก แต่มีคำทำนายว่าทรอยจะแตกไม่ได้ถ้าปราศจากเขา ทัพกรีซจึงต้องการตัว ขณะนั้นอคิลลีสมีอายุเพียง 15 ปี แต่มียศได้เป็นแม่ทัพของเหล่าทหารหาญเมอร์มิดอน (Myrmidons) ทหารกล้าแห่งพิเธีย และนั่นก็เป็นจุดจบของเค้าเช่นกัน
เขาได้ไครอนผู้เป็นเซนเทอร์อบรมสั่งสอนเขาและฝึกวิชาจนแกร่งกล้าเหนือใครยากหาผู้ทัดเทียม อคิลลิส มีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่ไม่เทียบเท่า เฮอร์คิวลีส แต่ที่เหนือกว่าคือ สติปัญญาณและความคิดที่ไม่มีใครเรียนแบบได้ อคิลลีสได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งนักรบ เป็นผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้ฉกาจฉกรรจ์มาก เมื่ออักกะเมมนอนรวบรวมทัพเพื่อยกไปตีเมืองทรอย จึงได้เชิญตัวอคิลลีสไปด้วย คำพยากรณ์มีว่า กรีกไม่มีวันเอาชนะทรอยได้หากปราศจากอคิลลีส กระนั้นก็มีคำพยากรณ์สำหรับอคิลลีสว่า เขาจะสิ้นชีวิตหากสังหารแม่ทัพทรอย คือ เฮกเตอร์
อคิลลิสไม่ได้อยากไปสงครามที่ทรอยเลย แต่เมื่อโอดิสซีอุสหว่านล้อมเขาจึงเปลี่ยนใจ และได้นำกองทัพเรือห้าสิบลำเดินทางไปกรุงทรอย ซึ่งเขาก็สู้รบอย่างกล้าหาญ ต่อมาปาโตรคลุสผู้เป็นญาติและเพื่อนที่อคิลลิสรักมาก สวมเสื้อเกราะ ของอคิลลิสออกไปสู้รบกับพวกโทรจันที่ประตูเมือง และได้สังหารชาวโทรจันได้ 9 คน รวมทั้งซาร์เปฟอนนักรบที่เก่งกาจของทรอยผู้เป็นโอรสของซีอุส อพอลโลได้ โจมตีปาโตรคลุสทำให้เขาบาดเจ็บและเจ้าชายเฮคเตอร์แห่งทรอยก็ได้พุ่งหอก สังหารปาโตรคลุส เฮกเตอร์หมายจะตัดศรีษะของปาโตรคุสเอาไปให้สุนัขกินเพื่อ ให้วิญญาณไม่สามารถไปสู่สุขติได้ แต่อาจักส์ และเมเนลอสนำทหารกรีกมาชิง ศพกลับไปได้ อคิลลิสเสียใจมากและแค้นอย่างรุนแรงและประกาศเข้าร่วมสงครามอีกครั้งและจะไปแก้แค้น เสียเดี๋ยวนั้น แต่ธีทิสได้ปรามไว้ให้รอจนเช้าก่อน ธีทิสก็กลับจากโอลิมปัสและนำ เกราะตัวใหม่ที่เฮเฟตุสได้ตีขึ้นมาให้แก่อคิลลิส อะกาเมมนอนมอบไบรเซอิสคืนแก่อคิลลิสและทั้งสองก็เป็นพันธมิตรกัน โดยอคิลลิสสาบานว่าจะไม่ยอมกินดื่มจนกว่าจะได้สังหารเฮกเตอร์แก้แค้นให้ปา- โตรคลุส ซึ่งเอธีน่าก็นำน้ำอมฤตมาหยดลงบนอกของเขาเวลาหลับเพื่อที่ร่างกาย อคิลลิสจะได้มีกำลังวังชาและไม่หิวกระหาย ในที่สุดก็เปิดศึกกันอีกครั้งซึ่งอคิลลิสสู้อย่างบ้าคลั่งจากแรงแค้น เมื่อบุกฝ่า กองทหารไปได้ ก็พบเฮกเตอร์รออยู่หน้ากำแพงทั้งที่ถูกห้ามไม่ให้ออกมาเนื่องจาก คำทำนายว่าเขาจะตายก็ตาม ซึ่งเทพีเอธีน่าก็ได้หลอกเฮกเตอร์ว่าจะคอยช่วยเหลือเขา เฮกเตอร์ได้เผชิญหน้าและต่อสู้กับอคิลลิสอย่างกล้าหาญ อคิลลิสได้พุ่งหอก เข้าที่คอของเฮกเตอร์ ซึ่งก่อนตายเฮกเตอร์ได้ขอร้องให้อคิลลิสส่งศพของตนให้กับครอบครัว เพื่อทำพิธีศพ แต่อคิลลิสไม่รับปากและเอาศพเฮกเตอร์ผูกติดรถม้าและลากไปทั่วเป็นเวลา 9 วัน เป็นการดับไฟแค้นของตน ซึ่งศพของเฮกเตอร์ก็อยู่ในสภาพดีเหมือนตอนเพิ่งตาย ไม่ได้เน่า เปื่อยแต่อย่างใดเพราะอพอลโลและอะโฟรไดทีคอยดูแลอยู่ เมื่อลากศพเฮกเตอร์มาแล้ว 9 วัน แต่ความแค้นยังไม่จางลง อคิลลิสก็ คิดจะตัดศรีษะเฮกเตอร์และแล่เนื้อเอาไปเลี้ยงสุนัขจรจัด แต่เทพทั้งปวงเห็นว่า อคิลลิสควรส่งศพเฮกเตอร์คืนแก่ทรอย เพราะเฮกเตอร์เป็นนักรบที่กล้าหาญ และควรยกย่อง อคิลลิสจึงยอมตัดใจและส่งศพเฮกเตอร์คืนทรอยในวันที่ 12 หลังเฮกเตอร์เสียชีวิต
ผู้ที่บอกจุดอ่อนให้ก็คือ เทพอพอลโล บอกจุดอ่อนของอคิลลิสให้ปารีสทราบ ปารีสจึงลอบยิงธนู อาบยาพิษไปที่ส้นเท้าของอคิลลิสขณะที่เขากำลังอยู่กับไบรเซอิส วีรบุษแห่งกรีก ก็สิ้นใจตายด้วยพิษร้าย งานศพของเขาจัดอย่างยิ่งใหญ่ และโพลิซินาธิดาของ ไพรอัมแห่งทรอยได้มาเคารพหลุมศพและสังเวยตนเองที่หลุมศพของอคิลลิส
เมื่ออคิลลีสเสียชีวิตไปแล้ว ได้ทิ้งชื่อไว้เป็นตำนานให้เลื่องลือ กล่าวกันว่า โล่ห์ของอคิลลีส (Shield of Achilles) ซึ่งเป็นโลห์ที่อคิลลีสใช้สู้กับเฮคเตอร์เป็นสิ่งที่ใครต่อใครต้องการแสวงหา และอเล็กซานเดอร์มหาราชก็นับถืออคิลลีสเป็นอย่างมาก โดยถือว่าพระองค์สืบเชื้อสายมาจากอคิลลีส ............................................................. นำมาจากหนังสือและเว็บไซค์ผิดตรงขออภัย จัดทำโดย เดอะ ปราบ จอมพลัง

ตำนานวีรบุรุษ เฮอร์คิวลิส โคตรคนพลังเทพ

เฮอร์คิวลิสเป็นวีรบุรุษของชาวกรีกที่แข็งแรงที่สุดในโลกและเขาก็มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายของตนเองและประเมินความสามารถของเขาเทียบเท่ากับเทพเจ้าเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการประมาณตนไว้สูงเกินไปเลย เพราะเขาได้ช่วยเทพเจ้าในการเอาชนะยักษ์ (Giants) เขาบ้าบิ่นถึงขนาดท้าทายเทพอพอลโล (Apollo) เพื่อที่จะบังคับเอาคำตอบจากออราเคิล (Oracle: ผู้มีญาณวิเศษ เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า) ของอพอลโล เฮอร์คิวลิสเกิดในทีบีส (Thebes) เป็นบุตรของซูส (Zeus) ที่เกิดจากอัลค์มีนี (Alcmene) โดยซูสจำแลงมาในรูปสามีของเธอที่ชื่อ แอมฟิทรีออน (Amphitryon) นายพลของทีบีสในช่วงที่เขากำลังออกรบ อัลค์มีนีมีบุตรชายสองคนคือ อิฟิคลิส (Iphicles) และเฮอร์คิวลิส ชื่อกรีกของเฮอร์คิวลิส คือ Herakles ซึ่งแปลว่าของขวัญล้ำค่าจากเฮร่า (Hera) (แต่เนื่องจากชื่อ Hercules เป็นที่รู้จักกันทั่วไปมากกว่าชื่อกรีกจึงใช้ชื่อละตินเฉพาะชื่อนี้ แต่ตัวละครอื่นๆ มีชื่อเป็นกรีกทั้งหมด) ยิ่งทำให้เฮร่าโกรธมากยิ่งขึ้นและตั้งใจจะฆ่าเฮอร์คิวลิสให้ได้ อายุเพียง 1 ปี เฮร่าส่งงูตัวมหึมาเข้ามาที่ห้องเด็ก เมื่อเด็กๆ ตื่น อิฟิคลิสก็หวีดร้อง ในขณะที่เฮอร์คิวลิสบีบคองูมือข้างละตัว เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาที่ห้องเด็ก ก็เห็นเฮอร์คิวลิสนั่งหัวเราะ กำมือแน่นอยู่รอบคองูที่หมดพิษสงและยื่นซากงูให้แอมฟิทรีออนอย่างร่าเริง ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าชะตาชีวิตของเด็กคนนี้ถูกลิขิตมาให้เป็นคนสำคัญในอนาคต
ตำนานวีรบุรุษ “เฮอร์คลี” ของอีทรัสคันซึ่งมีอิทธิพลจากวัฒนธรรมกรีก “เฮอร์คลี” ปรากฏในงานศิลปะของอีทรัสคันที่งดงามเช่นภาพของเฮอร์คิวลีสดูดนมจากอกของ เทพีอูนิ/จูโน สลักบนด้านหลังของกระจกบรอนซ์ที่สร้างราว 400 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษที่พบที่โวลเทอรรา งานเขียนของกรีกเกี่ยวกับเฮอร์คิวลีสมาจากงานเขียนของโรมันเริ่มตั้งแต่ราว 200 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษซึ่งมิได้เปลื่ยนแปลงจากเดิมเท่าใด แต่โรมันมาต่อเติมรายละเอียดของตนเอง บางเรื่องที่ขยายความก็ทำให้เฮอร์คิวลีสมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตก รายละเอียดของลัทธินิยมเฮอร์คิวลีสของกรีกก็นำมาแปลงเป็นของโรมันโดยการที่เฮอร์คิวลีสกลายเป็นผู้ก่อตั้งเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) และที่อื่นๆ นอกจากนั้นลัทธินิยมเฮอร์คิวลีสก็เป็นที่นิยมของลัทธินิยมของผู้ปกครองโรม (Imperial cult) ที่เห็นได้จาก จิตรกรรมฝาผนังภายในสิ่งก่อสร้างที่เฮอร์คิวเลเนียม แท่นบูชาเฮอร์คิวลีสที่พบสร้างมาตั้งแต่ 600 ถึง 500 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษไม่ใกลจาก วัดเฮอร์คิวลีสเดอะวิคเตอร์ (Temple of Hercules Victor) เฮอร์คิวลีสเป็นที่นิยมของพ่อค้าผู้มักจะอุทิศทรัพย์บางส่วนจากกำไรที่ได้ให้ ยูริสทูสเป็นคนที่ทั้งโง่และหยาบช้า เมื่อเฮอร์คิวลิสมาปวารณาตัวเป็นทาส ยูริสทูสก็สั่งงานให้เฮอร์คิวลิสทำภารกิจที่เรียกว่า "ภารกิจของเฮอร์คิวลิส" (The Labours of Hercules) แต่ละงานล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ทำให้สำเร็จได้ยาก ซึ่งมีทั้งหมด 12 งาน
งานแรกจากยูริสทัสคือ ให้นำหนังสิงโตนีเมีย (Nemea) ที่ไม่มีอาวุธใดๆ จะทำอันตรายได้กลับมา เฮอร์คิวลิสลงมือตามรอยสิงโตนีเมียจนเจอและในไม่ช้านานก็พบว่าธนูของเขาไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อสัตว์ร้ายได้เลย ดังนั้นเขาจึงใช้ตะบองของเขา ซึ่งก็ไม่สำเร็จผล เมื่อตามสิงโตตัวนั้นไปถึงถ้ำซึ่งมีทางเข้าสองทาง เขาก็ปิดปากถ้ำหนึ่งไว้และเดินเข้าหาสิงโตโดยทางเข้าอีกทางหนึ่ง เขาใช้มือเปล่าเข้าต่อสู้ เมื่อพบว่าอาวุธใดๆ ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ร้ายตัวนี้ เขาจับสิงโตด้วยแขนอันแข็งแกร่ง ไม่ใส่ใจกับกรงเล็บอันทรงพลังของสิงโตและรัดคอมันแน่นด้วยแขนของเขา จนกระทั่งสิงโตขาดลมหายใจ